วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

ดร.เอ็มเบ็ดการ์ : จากจัณฑาลสู่รัฐบุรุษ

เคยไม๊ที่ตอนอ่านหนังสือเตรียมสอบแล้วรู้สึกเหนื่อยจังเลย ไม่อยากอ่านอีกต่อไปแล้ว อยากให้ลองอ่านประวัติของดร.เอ็มเบ็ดการ์ดู แล้วจะรู้ว่าเราความเหนื่อยยากของเราเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋วถ้าเทียบกับตัวท่าน
"เกียรติคุณของ ดร.เอ็มเบ็ดการ์ จะต้องถูกจดจำรำลึกถึงต่อไปตราบนานเท่านาน ในฐานะที่ท่านเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อล้มล้างความอยุติธรรมในสังคมฮินดู ดร.เอ็มเบ็ดการ์ ต่อสู้กับสิ่งที่ทุกคนเห็นว่าจำเป็นจะต้องต่อสู้ ดร.เอ็มเบ็ดการ์เป็นผู้ปลุกมโนธรรมสำนึกของสังคมฮินดูให้ฟื้นตื่นขึ้นมาจากความหลับใหล"
เยาวหราล เนห์รู
อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษของอินเดีย
เปือกตมที่บ่มเพาะดอกบัว
ในสังคมอินเดียซึ่งประชากรส่วนใหญ่กว่า 80% นับถือศาสนาฮินดูนั้น มีการแบ่งประชาชนออกเป็น 4 วรรณะ คือ
1.วรรณะกษัตริย์ ทำหน้าที่ปกครองและเป็นนักรบ
2.วรรณะพราหมณ์ ทำหน้าที่ทางศาสนาและเป็นครูบาอาจารย์
3.วรรณะแพศย์ ทำหน้าที่ค้าขายและกสิกรรม
4.วรรณะศูทร ทำหน้าที่เป็นกรรมกรผู้ใช้แรงงาน
วรรณะทั้ง 4 นี้เรียกว่าเป็นพวก 'สวรรณะ' (คนมีวรรณะ) นับว่ายังมีเกียรติมีฐานะในสังคมอินเดียเหมือนคนปกติทั่วไป อย่างไรก็ตาม นอกจากวรรณะทั้ง 4 นี้แล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งพระเจ้าของศาสนาฮินดูไม่ยอมจัดให้สังกัดในวรรณะใด คนทั่วไปจึงเรียกพวกเขาว่าเป็นพวก 'อวรรณะ' (คนนอกวรรณะ) คนอวรรณะเหล่านี้อาจเรียกว่าเป็นวรรณะที่ 5 ก็ได้ พวกอวรรณะมีชื่อเรียกอยู่หลายชื่อ คือจัณฑาล, หริชน, หินชาติ, ปาริหะ, ปัญจมะ, มาหาร์, อธิศูทร เป็นต้น คนนอกวรรณะเหล่านี้ยังแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยได้อีก คือ
1.พวกที่แตะต้องไม่ได้ (Untouchables)
2.พวกที่เข้าใกล้ไม่ได้ (Unapproachables)
3.พวกที่มองดูไม่ได้ (Unseeables)
พวกนอกวรรณะเหล่านี้มีสถานภาพไม่ต่างอะไรกับทาส หรือสัตว์ดิรัจฉานชนิดหนึ่งในสายตาของคนในวรรณะทั้ง 4 ข้างต้น สำหรับคนนอกวรรณะอย่างพวกเขาแล้ว ไม่มีสิทธิอะไรในทางสังคมนอกจากเกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็น 'ข้าช่วงใช้' หรือ 'แรงงานทาส' ของคนในวรรณะเท่านั้น อาชีพสำหรับพวกเขาก็คือ งานที่เกี่ยวข้องอยู่กับสิ่งสกปรกโสโครกทั้งปวง เช่น กวาดถนน ขนขยะ ล้างท่อ ฟอกหนัง กรรมกร เป็นอาทิ ที่อยู่อาศัยของพวกเขาก็ต้องแยกออกมาต่างหากจากคนในวรรณะ และที่ที่เหมาะสำหรับพวกนอกวรรณะก็คือ ข้างกองขยะ แหล่งชุมชนแออัด หรือย่านคนจนที่อยู่ห่างไกลออกไปจากคนในวรรณะ
พลิกวิกฤติเป็นโอกาส
แปรคำปรามาสเป็นพลัง
ดร.เอ็มเบ็ดการ์ (Dr.B.R.Ambedkar) ถือกำเนิดมาในครอบครัวของคนจัณฑาลหรืออธิศูทรที่ยากจนข้นแค้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2434 ณ หมู่บ้านของคนจัณฑาลชื่ออัมพาวดี อำเภอรัตนคีรี รัฐมหาราษฎร์ (บอมเบย์) ประเทศอินเดีย บิดาของท่านชื่อ 'รามจิ สักปาล' (Ramji Sakpal) เคยมีอาชีพเป็นทหารมาก่อน เมื่อปลดประจำการแล้วจึงยึดอาชีพกรรมกรขายแรงงานที่หาเช้ากินค่ำ มารดาของท่านเป็นสตรีในวรรณะจัณฑาลเหมือนกัน ชื่อ 'พิมมาไบ' (Bhimabai) ทั้งสองมีลูกด้วยกันถึง 14 คน เอ็มเบ็ดการ์นับว่าเป็นคนสุดท้อง แต่ต่อมาพี่น้องส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตเหลืออยู่ด้วยกันเพียง 5 ชีวิตเท่านั้น
เมื่อยังเล็ก ดร.เอ็มเบ็ดการ์ มีชื่อว่า 'พิม' (Bhim) พออายุ 2 ขวบก็เข้าเรียนที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งพร้อมกับพี่ชายอีก 2 คน อยู่ต่อมาอีกจนอายุ 4 ขวบมารดาก็มาตายจากไป และนับแต่นี้ไปชีวิตครอบครัวของพิมก็มีแต่เลวร้ายลงไปทุกที อย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดมาท่ามกลางความขัดสนและท่ามกลางสังคมที่อยุติธรรมไปเสียทุกอย่าง แต่พ่อของพิมก็ไม่ท้อยอมทำงานหนักสายตัวแทบขาดเพื่อส่งให้ลูกของตนได้เรียนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้น เมื่อพิมเรียนจบชั้นประถมศึกษาแล้วพ่อจึงส่งเสียให้เขาได้เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาต่อทันที ชีวิตในโรงเรียนมัธยมสำหรับลูกของคนจัณฑาลเป็นชีวิตที่ถูกดูถูกเหยียดหยามไม่ต่างอะไรกับสัตว์ดิรัจฉานตัวหนึ่งเลยทีเดียว ความอาภัพของชนชั้นจัณฑาลที่พิมได้ประสบด้วยตัวเองในระหว่างที่เรียนหนังสืออยู่นั้นมีมากมาย เช่น
1.ช่วงปิดเทอมคราวหนึ่งพิมและพี่ชายได้ชวนกันออกเดินทางไปหาพ่อซึ่งทำงานอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ในระหว่างทางพวกเขาได้ว่าจ้างเกวียนคันหนึ่งให้ไปส่ง แต่พอเดินทางไปได้ไม่ไกลนัก คนขับเกวียนก็รู้จากการสนทนาว่าเด็กทั้งสามเป็นลูกคนจัณฑาลชั้นต่ำ เขาจึงไล่เด็กทั้งสามลงจากเกวียนทันที ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาเชื่อว่าคนจัณฑาลจะนำอัปมงคลมาสู่ตัวเขาและเกวียนของเขา พิมและพี่ชายไม่มีทางเลือกต้องลงเดินด้วยเท้าจากหมู่บ้านหนึ่งไปถึงอีกหมู่บ้านหนึ่ง ตลอดทางตั้งแต่บ่ายจนถึงเที่ยงคืนไม่มีอะไรตกถึงท้องพวกเขา เพราะไม่ว่าจะเข้าไปหาน้ำดื่มจากที่ไหน ก็จะถูกไล่ตะเพิดเหมือนเป็นตัวเสนียดจัญไร
2.วันหนึ่งพิมไปตัดผมที่ร้านตัดผมแต่พอนายช่างรู้ว่าเขาเป็นลูกคนจัณฑาลก็ไล่ตะเพิดเขาออกจากร้านพร้อมทั้งยังบริภาษตามหลังออกมาอีกว่า "เขายินดีตัดผมให้กับคนทุกคน หรือยินดีตัดขนให้กับสัตว์ดิรัจฉาน แต่เขาจะไม่ยอมให้กรรไกรของตัวเองแตะต้องผมของพวกคนจัณฑาลอย่างเด็ดขาด" นับแต่นั้นมาพี่สาวคนหนึ่งของพิมก็เลยกลายเป็นช่างตัดผมประจำตัวของเขาไปโดยอัตโนมัติ
3.ที่โรงเรียนพิมจะถูกกำหนดให้นั่งอยู่หลังห้องแยกต่างหากจากเด็กคนอื่น เขาไม่มีสิทธิจะอ่านโคลง กลอนภาษาสันสกฤตเหมือนเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ เพราะภาษาสันสกฤตเป็นภาษาที่สงวนไว้สำหรับชนชั้นสูงอย่างวรรณะพราหมณ์เท่านั้น ครูประจำชั้นจะไม่ยอมแตะต้องสมุด หนังสือ หรือแม้แต่เดินเฉียดกรายมาใกล้พิมเป็นอันขาด เพราะเขาเชื่อว่าพิมเป็นตัวอัปรีย์จัญไรที่ใครเข้าใกล้แล้วจะมีมลทิน ขณะที่อยู่ในโรงเรียนนั้นหากเกิดกระหายน้ำขึ้นมาพิมไม่มีสิทธิจะไปตักน้ำดื่มด้วยตัวเอง เพราะพวกเขาเกรงว่าพิมจะไปทำบ่อน้ำเป็นอัปมงคล ด้วยเหตุนี้ หากทนกระหายไม่ได้จริงๆ พิมจึงต้องเป็นฝ่ายขอร้องให้เพื่อนคนใดคนหนึ่งที่มีใจอารีไปตักน้ำมาให้ แล้วให้เขาค่อยๆ รินน้ำลงใส่ปากตัวเองอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ เพื่อมิให้อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของพิมไปถูกภาชนะใส่น้ำ หรือไปสัมผัสกับผู้ที่มีเมตตาที่มารินน้ำใส่ปากให้เขา
ที่โรงเรียนครูทุกคนล้วนสังกัดวรรณะพราหมณ์ ไม่ว่าพิมจะเดินเฉียดกรายไปทางไหน ฝูงชนจะแตกออกเป็นทางและจากนั้นเสียงสาปแช่งก่นด่าเยาะเย้ยถ่มถุยก็จะตามมา จนดูเหมือนกับว่าพิมเป็นสิ่งสกปรกที่เขาโยนขึ้นมาจากท่อข้างถนนก็มิปาน ตลอดเวลาที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนมัธยมพิมรู้สึกเหมือนอยู่ในนรก และเพราะต้องทนอยู่ท่ามกลางสภาพสังคมอันเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำและอยุติธรรมในทุกเรื่องเช่นนี้เอง พิมจึงเตือนตนเองอยู่เสมอว่า
"สักวันหนึ่งเราจะต้องถีบตัวเองให้สูงขึ้นไปเพื่อให้พ้นจากภาวะอันต่ำต้อยนี้ให้ได้ และการที่จะทำเช่นนั้นได้ มีวิธีเดียวเท่านั้น คือจะต้องตั้งใจเรียนให้ถึงที่สุด เพราะด้วย 'การศึกษา' เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะทำให้คนจัณฑาลได้รับการยอมรับ"
จากปณิธานที่ก่อรูปขึ้นในใจอย่างเงียบๆ อันนี้เอง ส่งผลให้พิมกลายเป็นเด็กเรียนดีที่สอบได้คะแนนสูงสุดในทุกวิชาในทุกภาคการศึกษา
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าโลกจะแล้งไร้ความอยุติธรรมไปเสียหมดก็หาไม่ วันหนึ่งครูของพิมซึ่งเป็นพราหมณ์ก็ได้สังเกตเห็นว่า แม้พิมจะเป็นลูกของคนจัณฑาลชั้นต่ำ แต่เขาก็เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนจนน่ายกย่อง ซ้ำนิสัยใจคอเล่าก็ทรหดอดทน ขยันหมั่นเพียรไม่ระย่อท้อถอย แววตาทอประกายของคนที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวให้เห็นอยู่เสมอ ด้วยความช่างสังเกตจนค้นพบความดีที่ซ่อนอยู่ในตัวของพิม บวกกับความมีมนุษยธรรมในหัวใจ ครูคนนั้นจึงคอยช่วยพิมด้วยการแบ่งอาหารให้เขารับประทานเป็นบางมื้อ แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ครูใจพระคนเดียวกันนี้ก็เรียกพิมไปหาแล้วอนุญาตให้เขาใช้นามสกุลของตัวเองแทนนามสกุล 'สักปาล' (ซึ่งเป็นนามสกุลที่ใครได้ยินก็รู้ว่าเป็นชนชั้นจัณฑาล) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพิมจึงมีนามสกุลใหม่ว่า 'เอ็มเบ็ดการ์'
พิม สักปาล กลายเป็น พิม เอ็มเบ็ดการ์ ทำให้เขามีมานะพยายามเพิ่มขึ้นเป็นทวีตรีคูณ อุตส่าห์ ตั้งใจเรียนจนในที่สุดก็สำเร็จการศึกษาด้วยผลการเรียนที่ดีเยี่ยมในทุกวิชา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษด้วยแล้วคะแนนดูเหมือนจะสูงกว่าวิชาอื่นๆ ด้วยซ้ำไป และด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองให้พ้นไปจากขุมนรกของชนชั้นต่ำให้ได้นี่เอง เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมแล้วพิมกับบิดาก็หาทางเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยบอมเบย์จนสำเร็จ
แต่โชคร้ายยังไม่หมดไปจากพิม เอ็มเบ็ดการ์ เพราะแม้ในช่วงแรกที่เขาเข้าเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็น 'จัณฑาล' (นามสกุลเอ็มเบ็ดการ์ทำให้ไม่มีใครสงสัยในฐานะอันแท้จริงของเขา) แต่อยู่ต่อมาไม่นานเมื่อความลับนี้ถูกเปิดเผย ความเลวร้ายต่างๆ ก็ประเดประดังเข้าหาพิมอีกเช่นเคย อาจารย์หลายคนไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้าเขา เพื่อนร่วมชั้นหลีกห่างจากเขา หรือแม้แต่คนขายน้ำในโรงอาหารก็ไม่ยอมขายน้ำให้เขา แต่นี่ยังพอเป็นเรื่องที่พิมยอมรับได้แต่เมื่อเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นที่เจ้าของร้านไม่อนุญาตให้พิมเข้าไปซื้ออาหารในร้าน พิมก็เริ่มตระหนักชัดแล้วว่าโลกแทบไม่มีที่ว่างให้คนจัณฑาลอย่างเขาได้หยัดยืนขึ้นมาอย่างสมศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์เลย
ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายอย่างไร แต่หัวใจนักสู้ของพิมก็ยังแกร่งอยู่เสมอ ในระหว่างที่ศึกษาอยู่นี้ บิดาของพิมได้พยายามวิ่งเต้นขอทุนจากองค์กรต่างๆ มาสนับสนุนให้พิมได้เรียนต่อให้สูงที่สุด เพราะเขาก็ตระหนักรู้เช่นเดียวกับลูกชายว่า ด้วยการศึกษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขาและลูกชายไปพ้นจากสภาพครึ่งคนครึ่งสัตว์เช่นที่เป็นอยู่นี้ได้ แล้ววันหนึ่งพิมก็ได้รับทุนการศึกษาจากมหาราชาแห่งเมืองบาโรด้า ด้วยทุนการศึกษาก้อนนี้ทำให้พิมมีกำลังใจเรียนหนังสือจนในที่สุดก็สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยบอมเบย์เมื่อปี พ.ศ.2455
สั่งสมภูมิปัญญาก่อนคิดการใหญ่
ช่วงเวลาที่เอ็มเบ็ดการ์ยังเป็นนักศึกษาอยู่นั้น ประเทศอินเดียตกอยู่ในความยึดครองของประเทศอังกฤษ คนอินเดียจึงถูกกดขี่ข่มเหงในแทบจะทุกทาง กลุ่มคนที่รวมตัวกันต่อต้านอังกฤษถูกจับไปฆ่า ทำทารุณกรรมและถูกจับขังคุกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พิม เอ็มเบ็ดการ์ ตระหนักถึงปัญหาที่กำลังคุกคามประเทศของตนเหล่านี้เป็นอย่างดี เขาจึงตั้งปณิธานว่า "ในชีวิตนี้เรามีภารกิจที่จะต้องทำอยู่ 2 อย่าง นั่นก็คือ หนึ่ง ทำลายระบบวรรณะ สอง ช่วยให้ประเทศอินเดียเป็นเอกราชจากการยึดครองของอังกฤษ" แต่การที่จะทำให้ภารกิจสองอย่างนี้บรรลุผลได้มีอยู่วิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือตัวเขาจะต้องเรียนให้สูงที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงไม่มีเครื่องมือที่จะมาทำงานอันหนักหน่วงและทรงความสำคัญเช่นนั้นได้
หลังสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีแล้ว พิม เอ็มเบ็ดการ์ ก็ได้รับทุนการศึกษาจากมหาราชาแห่งบาโรด้าให้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ เอ็มเบ็ดการ์น้อมรับความเมตตานี้ด้วยความซาบซึ้งในหัวใจอย่างสุดจะพรรณนา เขาสำนึกดีว่า หากไม่ได้รับความเมตตาจากมหาราชาพระองค์นี้แล้ว ชีวิตของเขาก็คงไม่มีทางได้ก้าวไปข้างหน้า เอ็มเบ็ดการ์จึงเตือนตนว่า เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วเขาจะต้องกลับมาทดแทนพระคุณของพระองค์ให้คุ้มค่าอย่างถึงที่สุด
ทันทีที่ได้เดินทางมาศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา เอ็มเบ็ดการ์ก็อุทิศตนให้กับการศึกษาทั้งกลางวันกลางคืน เขาอ่านหนังสือไม่ต่ำกว่าวันละ 18 ชั่วโมง ตั้งอกตั้งใจตักตวงความรู้ให้มากที่สุด ภายในเวลาเพียง 2 ปีเขาก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ดร.เอ็มเบ็ดการ์ไม่เพียงแต่จะศึกษาจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเท่านั้น เพราะเมื่อมีเวลาว่างท่านจะตระเวนซื้อหนังสือเก่าสะสมไว้ใช้เป็นอาหารสมองให้ตนเองได้ไม่น้อยกว่า 2,000 เล่ม
หลังสำเร็จการศึกษา ดร.เอ็มเบ็ดการ์ เดินทางกลับประเทศอินเดีย และตั้งใจกลับไปทำงานเพื่อทดแทนบุญคุณของมหาราชาแห่งบาโรด้า แต่ทันทีที่ข่าวของท่านแพร่สะพัดออกไป ไม่มีใครสักคนหนึ่งไปรับท่านที่สถานีรถไฟ ไม่มีบ้านพักแห่งไหนในเมืองบาโรด้ายินยอมให้ท่านเข้าไปพัก ซ้ำเมื่อเดินทางมาถึงสำนักงานของมหาราชาผู้เป็นเจ้าของทุน ทุกคนที่อยู่ในสำนักงานก็แสดงท่าทีรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง ต่างคนต่างก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นเสนียดจัญไร เป็นมนุษย์ชั้นสองที่หลุดมาจากชายขอบ หรือป่าชายเลนที่ไหนสักแห่งในโลก และเมื่อ ดร.เอ็มเบ็ดการ์กลับมาจากที่ทำงานในวันหนึ่งท่านก็พบกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่งถือปืนมาล้อมห้องพักที่เช่าไว้ พร้อมทั้งขู่ให้ท่านย้ายออกภายใน 8 ชั่วโมง
ดร.เอ็มเบ็ดการ์ไม่นึกว่าคนเหล่านั้นจะรังเกียจคนจัณฑาล ซึ่งมีการศึกษาระดับปริญญาเอกอย่างเขาถึงเพียงนี้
เมื่อไม่มีทางเลือกท่านก็จำต้องย้ายออกจากหอพักอย่างฉุกละหุก หลังจากพาตัวเองหนีพ้นเคราะห์กรรมมาได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดแล้วท่านก็เดินระหกระเหินเรื่อยไป สุดท้ายก็มานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในที่แห่งหนึ่งอย่างน่าสมเพช ดร.เอ็มเบ็ดการ์เฝ้าถามตัวเองว่า
"สัตว์ดิรัจฉานยังได้รับอนุญาตให้อยู่ในบ้านของคนในวรรณะได้ แล้วนี่ตัวเราเองเป็นคนแท้ๆ แต่ทำไมไม่มีใครให้การต้อนรับขับสู้เราเลย ไปที่ไหนก็ถูกขับไล่ไสส่งยิ่งกว่าสัตว์ เราจะปล่อยให้สภาพเช่นนี้ยังคงอยู่ไปอีกนานสักเท่าไหร่กัน"
เมื่อหมดทางไปในบ้านเกิดเมืองนอน ดร.เอ็มเบ็ดการ์จึงไปสมัครเป็นอาจารย์ในวิทยาลัยแห่งหนึ่งและเก็บหอมรอมริบเงินเดือนไว้ศึกษาต่อ ดร.เอ็มเบ็ดการ์ก็ได้รับการดูถูกดูแคลนจากอาจารย์ในวรรณะอื่นอีกเช่นเคย แต่ท่านไม่ท้อ พยายามหาทางวิ่งเต้นยืมเงินจากเพื่อนได้จำนวนหนึ่งแล้วจึงออกเดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษ ใช้เวลาไม่นานนักก็สำเร็จการศึกษาเป็น 'เนติบัณฑิต' อังกฤษ (ปริญญาโท) และยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกอีกถึง 2 สาขาจากมหาวิทยาลัยลอนดอน
ปรับกระบวนทัศน์ พัฒนาสังคม
หลังสำเร็จการศึกษา (ปริญญาตรี, ปริญญาโท และปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยบอมเบย์ อินเดีย, โคลัมเบีย, สหรัฐอเมริกา, มหาวิทยาลัยลอนดอน อังกฤษ, ไม่ต่ำกว่า 7 ปริญญา) ดร.เอ็มเบ็ดการ์ก็ได้กลับมาตั้งหลักปักฐานทำงานอยู่ที่บอมเบย์บ้านเกิดของตนเอง ที่นี่ ดร.เอ็มเบ็ดการ์ได้ตั้งสำนักงานทนายความขึ้นมาเพื่อรับว่าความแทนคนทุกข์ยากในวรรณะชั้นต่ำ พร้อมกันนั้นก็ได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง แสดงว่าสวรรค์เริ่มมีตาขึ้นมาบ้างแล้ว
กลับมาคราวนี้ ดร.เอ็มเบ็ดการ์อุทิศตนทำงานเพื่อสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับสังคมอย่างเต็มที่ ชั่วเวลาไม่นานนักชื่อเสียงของท่านก็โด่งดังไปทั่วอินเดียในฐานะนักปฏิรูปสังคมผู้ต้องการทำลายระบบวรรณะให้หมดไปจากประเทศอินเดีย ผลแห่งความตั้งใจทำงานปฏิรูปสังคมทำให้คนนอกวรรณะต่างยกย่องท่านเสมือนหนึ่งเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งเลยทีเดียว ดร.เอ็มเบ็ดการ์ได้เขียนบทความต่อต้านระบบวรรณะในอินเดียอย่างต่อเนื่อง และบทความทุกเรื่องของท่านคมคายด้วยเหตุผล แหลมคม ด้วยมุมมองของนักกฎหมาย นักรัฐศาสตร์และนักเศรษฐศาสตร์ ผู้เคยผ่านการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกมาแล้ว
จนมีคนเห็นด้วยและเข้าร่วมขบวนการต่อต้านระบบวรรณะในอินเดียเพิ่มขึ้นเป็นเรือนแสนเรือนล้าน กระทั่งวันหนึ่งเมื่อเห็นว่าได้เวลาอันเหมาะสมแล้ว ดร.เอ็มเบ็ดการ์จึงประกาศทำพิธีเผาคัมภีร์ 'มนูธรรมศาสตร์' อันเป็นคัมภีร์สำคัญของศาสนาฮินดูที่กำหนดให้มีระบบวรรณะที่สร้างความเหลื่อมล้ำให้กับคนจำนวนมหาศาลในอินเดีย
ดร.เอ็มเบ็ดการ์เคยให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลของการกระทำในครั้งนี้เอาไว้ต่างกรรมต่างวาระ เช่นครั้งหนึ่งท่านกล่าวต่อหน้าที่ประชุมคนจัณฑาลทั้งหลายว่า
"ถ้าพวกท่านต้องการจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างสมหวัง พวกท่านก็ควรทิ้งศาสนา (ฮินดู) นี้เสีย ศาสนาที่ไม่ยอมรับว่าท่านเป็นมนุษย์เยี่ยงมนุษย์ทั้งหลาย ไม่ยอมแม้จะอนุญาตให้ท่านดื่มน้ำสักหยดเดียวเมื่อท่านกระหาย ไม่ยอมอนุญาตให้ท่านเข้าวัดกราบไหว้สิ่งที่ท่านเคารพ แล้วยังจะสมควรเรียกศาสนานี้ว่าเป็นศาสนาของท่านรึ 'ศาสนานี้กีดกันการศึกษาของท่าน ขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของท่าน' ศาสนานี้ต้องการให้คนที่โง่เขลา (Ignorant) ได้โง่เขลาอยู่ต่อไป ให้คนที่ยากจน ได้ยากจนอยู่ต่อไป ข้าพเจ้าไม่ขอเรียกศาสนาเช่นนี้ว่าศาสนา แต่ขอเรียกว่าหลักการแห่งความหายนะ" ในตอนท้ายท่านสรุปว่า
"พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนเราไม่ใช่ดีเพราะโคตร ไม่ใช่ดีเพราะตระกูล ไม่ใช่ดีเพราะทรัพย์ แต่จะดีหรือชั่วอยู่ที่การกระทำของบุคคลนั้นๆ"
ขณะที่ทำการต่อสู้เพื่อล้มล้างระบบวรรณะนี้ ดร.เอ็มเบ็ดการ์ยังเสียสละเวลาทำงานด้านการปฏิรูปการศึกษาของคนจัณฑาลและด้านการเมืองควบคู่ไปด้วย ด้านการศึกษาท่านได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมาถึง 2 แห่งเพื่อให้เป็นมหาวิทยาลัยที่คนจากทุกวรรณะได้มีโอกาสเข้ามารับการศึกษาได้อย่างเสมอภาคกัน
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งชื่อ 'มหาวิทยาลัยสิทธัตถะ' อีกแห่งหนึ่งชื่อ 'มหาวิทยาลัยมิลินทะ'
จากลูกคนจัณฑาลชีวิตพลิกผันเป็นรัฐมนตรี
ด้านการเมืองท่านก่อตั้งพรรคการเมืองชื่อ 'พรรคกรรมกรอิสระ' ดร.เอ็มเบ็ดการ์ทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้กับราษฎรจากวรรณะจัณฑาลอย่างดียิ่ง ความเป็นคนจริงที่ต่อสู้เพื่อคนทุกข์คนยากอย่างไม่เห็นแก่อามิสสินจ้าง ทำให้ท่านได้รับเชิญเข้าเป็น 'รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม' เพื่อร่วมกันทำงานกับยอดคนอย่าง เยาวหราล เนห์รู มหาตมะ คานธี เป็นต้น
ดร.เอ็มเบ็ดการ์ ร่วมมือกับพรรคคองเกรสของอินเดียต่อสู้กับจักรวรรดิอังกฤษจนในที่สุดอินเดียก็ได้รับเอกราช เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2490 เมื่อได้รับเอกราชแล้วรัฐสภาของอินเดียก็ได้แต่งตั้งให้ ดร.เอ็มเบ็ดการ์รับหน้าที่อันสำคัญที่สุดในชีวิตของตน ซึ่งมีจัณฑาลเพียงหนึ่งในล้านเท่านั้นที่จะได้รับโอกาสอันสำคัญยิ่งยวดเช่นนี้
หน้าที่ดังกล่าวนี้ก็คือ การเป็นประธานร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศ
แทบไม่น่าเชื่อว่า โอกาสทองที่ ดร.เอ็มเบ็ดการ์ต่อสู้และรอคอยมาทั้งชีวิตจะมาเกยถึงหน้าตักของท่านเร็วถึงเพียงนี้ ดังนั้น โดยไม่รอช้า ดร.เอ็มเบ็ดการ์จึงทำหน้าที่ปลดปล่อยคนอินเดียให้เป็นอิสระจากระบบวรรณะด้วยการเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอินเดียตอนหนึ่งว่า ไม่ให้ประชาชนอินเดียมีการเลือกปฏิบัติต่อกันและกันด้วยเหตุผลทางวรรณะ
และวรรณะจัณฑาลนั้น ก็ให้ยุบทิ้งเสียให้สิ้นซาก
อ้างอิงจากหนังสือ ธรรมมะงอกงามของท่านว.วชิระเมธี

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

เทคนิคการจัดตารางอ่านหนังสือ

เทคนิคนี้อาจนำมาใช้ในการบริหารเวลาสำหรับการเตรียมตัวสอบ
อาจนำมาใช้จัดตารางอ่านหนังสือ แต่ว่าเราใช้จัดตารางทำข้อสอบ
หลังจากที่เราผ่านคอร์สเอนท์มาแล้ว

วิธีการของเราก็คือ นับดูว่าเราต้องสอบกี่วิชา แต่ละวิชามีข้อสอบกี่ฉบับ เหลือเวลา
หรือกำหนดเวลาเตรียมตัวกี่วัน แล้วเอาจำนวนข้อสอบหารด้วยจำนวนวันทีจะใช้
ก็จะได้ออกมาว่าวันนึง
เราต้องทำข้อสอบวันละกี่ฉบับ
เวลาจัดตารางก็จัดคละๆวิชาไป ไม่ชอบหรือไม่ถนัดวิชาไหนก็ทำวันละฉบับเดียวก็พอแล้วเอาวิชาที่ชอบหรือวิชาที่ถนัดมาแทรกเอาอ่ะนะ


ตัวอย่าง กำหนดการ
วันที่หนึ่ง ฟิสิกส์ 41 เคมี 41 ชีวะ 41
วันที่สอง คณิต 41 อังกฤษ 41
วันที่สาม ฟิสิกส์ 42 ไทย 41 สังคม41

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

คอร์สเอนท์ ต้องลงไม๊เนี่ย

คอร์สเอนท์เป็นคอร์สที่จะสรุปองค์ความรู้ต่างๆทั้งหมดให้แก่เรา บางคนอาจบอกว่า
เรียนคอร์สเบสิคมาหมดแล้วไม่เห็นจะจำเป็นต้องเรียนคอร์สเอนท์เลย แต่สิ่งที่คอร์สเอนท์มี
แต่คอร์สเบสิคไม่มีก็คือ คอร์สเอนท์สามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้ในบทต่างๆเข้าด้วยกันทั้งหมด
การทำโจทย์ประยุกต์หลายๆบท นอกจากนี้การเรียนคอร์สเอนท์จะเป็นการสรุปในช่วงโค้งสุดท้ายให้แก่เราได้อีกด้วย

พออ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วคอร์สเอนท์เนี่ยมันมีตั้งหลายที่ แต่ละที่ก็มีชื่อเสียงทั้งนั้นเลย
จะเลือกอันไหนดีน้อ

เผื่อจะช่วยให้มีข้อมูลในการเลือกคอร์สก็เลยไปรวบรวมข้อมูลมาให้ทั้งจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง
และจากที่เพื่อนๆ หรือรุ่นพี่เล่าให้ฟัง เอาหละมาเริ่มกันเลยดีกว่า

คอร์สเอนท์เคมี
-อ.อุ๊ คนที่คิดจะกวดวิชาเคมีคงไม่มีใครไม่รู้จักอ.อุ๊ เจ้าของตึกอุ๊แลน์อย่างแน่นอน อ.สอนดีมากมาย พูดเพราะ สอนเข้าใจง่าย แต่จะเรียนให้ได้ผลจริงๆต้องขยันทำแบบฝึกหัดตามที่อ.สั่ง สำหรับคนที่ลงคอร์สเอนท์ช่วงปิดเทอม ม.5 ขึ้น ม.6 นี่น่าจะอ่านล่วงหน้าเกี่ยวกับพวกไฟฟ้าเคมี กับ เคมีอินทรีย์มาหน่อยไม่ก็ลงคอร์สเบสิคไว้ซะจะได้เรียนได้อย่างราบรื่น ตอนเราเอนท์ก็ลงแค่คอร์สเอนท์อ.อุ๊นี่แหละคอร์สเดียวนอกนั้นก็ทำแบบฝึกหัดตามที่อ.สั่ง แล้วก็ทบทวนก่อนนอนทุกวันอ่ะนะ

คอร์สเอนท์ฟิสิกส์
-แอพพลายด์ฟิสิกส์ อันนี้แล้วแต่คนเรียนมั้ง บางคนว่ามันเหมาะกับคนเก่ง นอกเรื่องนิดนึง เราเรียนแค่ครั้งละสองชั่วโมงเกือบอ้วก ใครเรียนครั้งละห้าชั่วโมงได้นี่นับถือจิงๆ มันเหมาะกับที่จะเรียนไปทำข้อสอบอ่ะ ไอ้ที่อ.เน้นๆ ไปออกพวกแพทวิศวะเต็มเลย เราลงคอร์สนี้คอร์สเดียวแล้วก็ไปทำโจทย์ย้อนหลังเอาเอง ได้แพทวิศวะเกือบสองร้อยสี่สิบ
-นีโอฟิสิกส์ อันนี้บอกตามตรงว่าไม่เคยลงคอร์สเอนท์ของที่นี่ แต่เคยดูทาง อีทีวี อ.สอนดี เข้าใจง่าย ไม่รู้นะแต่เรารู้สึกว่าเรียนกับนีโอเข้าใจมากกว่าเรียนทีแอพพลายด์ แต่ที่ไม่ได้ลงคอร์สเอนท์ของนีโอเพราะว่าคอร์สมันแยกเป็นสองคอร์ส แพงกว่าของแอพพลายด์
คอร์สเอนท์ชีวะ
-Bio beam ของเจ๊บีม สนุกสนาน เฮฮา สาระเต็มเปี่ยม มีข้อสอบให้ผึกประสบการณ์และมีความรู้และประสบการณ์ทางการแพทย์แทรกให้ด้วยเพราะเจ๊แกจบหมอมาจากขอนแก่น
-Bio ของEureka อ.เอกฤทธิ์ สาระเต็มเปี่ยม เอาจริงเอาจัง
คอร์สเอนท์คณิต
-อรรณพ เหมาะกับเด็กเก่งหน่อย โจทย์ครบแทบทุกแนว ไม่เน้นสูตรลัด
-อ.บุ๋ม ไฮสปีด สอนเข้าใจง่ายเทคนิคแพรวพราว แต่เสียตรงที่คอร์สนึงแพงมาก
-อ.เจี๋ย ราชาสูตรลัดอันพิลึกพิลั่น เคยเรียนกับอ.ทางอีทีวี ก็โอเคอยู่
-ติวเตอร์ อันนี้รุ่นพี่หลายคนบอกดี เราก็เคยเรียนอยู่เหมือนกัน เรียนคอร์สทุนคิง แล้วแต่คนชอบ
คอร์สเอนท์ไทยสังคม
-อ.ปิง
-ครูป๊อบ
-ครูลิลลี่
อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบแต่ส่วนใหญ่ก็คงเลือกอ.ปิงกัน เสียตังทีเดียวได้เรียนสองวิชาเลย คอมเม้นท์มากก็ไม่ได้เพราะไม่เคยลง
คอร์สเอนท์ภาษาอังกฤษ
-ครูสมศรี กับ enconcept
สองที่นี้แล้วแต่คนชอบอ่ะ อย่างเพื่อนเราชอบเรียนครูสมศรี แต่เราชอบเรียนที่enconcept มากกว่าเพราะรู้สึกว่าเทคนิคแพรวพราวแล้วเราก็ไม่ชอบท่องศัพท์ด้วยแต่ชอบให้มันซึมเข้าไปเองแบบใช้บ่อยๆไรงี้ แต่วิชานี้ส่วนใหญ่ก็กินบุญเก่าตัวเองซะมากกว่า

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

คำพูดฮาๆ จากอาจารย์กวดวิชา หลายที่

ค่อยๆเรียนน้อง ไม่เป็นไร เอ็นท์มีทุกปี - พี่มัค -idealphysics
น้องนี่ดังนะ ได้ลงเป็นพรีเซ็นเตอร์ "คาราบาวแดง" ด้วย - James -The Buff Center
เจี๋ยรวยแล้วจะไม่สอนต่อก็ได้ที่เจี๋ยยังสอนอยู่นี่เพราะอะไร.................เพราะเงิน - jia -jia
เงยหน้า ใครไม่เงยแช่ง ชายขอให้แฟนทิ้ง ญ.ขอให้น.น.เกิน80 - p' willy(oat) -THE TUTOR

คำขวัญวันเดะคือ..แรดตลอดชีวิต จิกอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันสามี - smith -pinacle
เรียนกับครูEnt ติดแล้วอย่างน้อย 2 ที่ รามกับสุโขทัย - อ.ต๊อบ -The Tutor
คุณอยากสวยแบบพื้นๆหรือแบบส้นตีน แบบส้นตีนเหอะ แบบพื้นๆมันต่ำกว่าส้นตีนอีกนะ - jia -jia
อ้าวหนู รู้ตัวว่าสวยว่าหล่อเดินมานั่งหน้าเลยจ๊ะ แต่สวยสุดอยู่หน้ากระดานนี่ - สมศรี -สมศรี
เด็กมันตั้งให้ชื่อราเชล์ลค่ะ ฟังดูฝรั่งนะ แต่ไม่ใช่ แปลว่าหอยขึ้นรา - สมศรี -บ้านครูสมศรี
เวลาฉันแรง อะไรก็ฉุดฉันไม่อยู่.....นอกจาก....ผู้ชาย - lily -pinnacle
โจทย์ข้อเนี้ยที่อื่นทำ 3 กระดาน แต่พี่กระดานเดี่ยว..แล้วลบเอา - JACK -เคมี JACK
ใครไม่ร้องศัพท์ชุดนี้ขอให้เรียนมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ...ราม - พี่โอปอล -เดอะติวเตอร์
นี่นักเรียน คำนี้Valueอ่านว่าอะไรคะ"แวลู"ต๊ายต้องอ่านว่า "แวลยู"ย่ะถึงจะเป็นราชนิกูล - กาเทยหัวโตแห่งTutor -TuTor
สมดุลแห่งความจำ ซิกม่าเข้า = ซิกม่าออก - พี่มักสุดหล่อ -IDEAL PHYSICS
รู้ไม๊คะ หนัง x ย่อมาจากไร exercise.. เก่งค่ะ.. - CoolMint -The Prompt
ข้อนี้เป็นข้อสอบชิงทุนระดับจังหวัด เพื่อไปเรียนยังหมู่บ้านนะครับน้อง - พี่ช้าง -the brain
เอามาจาก TCC

@ นี่คือตำนาน.. นี่คือวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่.. (เน้น) นี่คือผู้หญิงงงง .. .. อ.Lilly -pinacle

@ ใครไม่ปิดมือถือเดี๋ยวพี่เอาไขมันทั้งหมดของพี่ทุ่มเลย .. พี่ช้าง -The Brain

@ ส่วนใหญ่เด็กที่ร้องเพลงดังๆ จะเป็นเด็ก จุฬา ธรรมศาสตร์ พวกรามจะร้องอยู่ในลำคอ .. .. พี่โบ๊ท - เดอะติวเตอร์

@ ไม่เอานะคำตอบข้อนี้ไม่เกี๊ยวกุ้งด้วย .. อ.ลิลลี่ - pinnacle

@ ถึงว่า หญ้าแถวสยามฯ หายไปไหนหมด .. พี่มัก - idealphysics

@ ข้อนี้ผมเก็งจนส่วนหนึ่งของตัวแข็งแลยนะ .. อาจารย์สุธน - เคมีอ. สุธน

@ พี่ไม่ได้ทะลึ่งนะ แต่น้องคิดไปเอง และน้องคิดถูก .. อ.มัค - ideal physics

@ อ่า .. .. นร.ทดเลขใน sheet เพื่อนน้า อย่าทดใน sheet เรา, เดี๋ยวมันจะเปื้อน .. อ.ช่วง - Applied Physics

@ ขอร้องนะ อย่าอ่านว่า แอมปลิตูดล่ะ .. .. ลาวสุดๆ .. ! อ่านว่า แอมปลิจูดนะ .. อ.ประกิตเผ่า - Applied Physics

@ น้องเรียนที่นี่นะ น้องจะรู้ทุกอย่าง ยกเว้นฟิสิกส์ .. อ.มัค - ideal physics

@ ข้อความนี้ขีดเส้นใต้พันเส้น และอย่าลืม หัวใจคู่ธนูจิกเลือดสาดดด นะคะ .. เจเจ้. Art Pinacle - MV.TUTOR

@ ร้อนเป็นลูกชิ้นปลาสุกแล้ว .. อ. มนต์ชัย - pinacle

@ สวยซีเกมส์นะคะหนู .. อ.lilly - pinacle

@ พูดเป็นครั้งที่ 4 แล้วนะ .. .. บอกให้ปิดมือถือ มันไม่เท่ห์หรอก หมาบ้าน อ.เผ่า มีห้อยคอทุกตัว .. อ.เผ่า - APPLIED

@ ข้อต่อไปเป็นข้อสอบที่อาจารย์เอาคะแนนมาไล่เขวี้ยงหัว .. พี่ช้าง - the brain
@ ไอ้พวกนี้นี่ .. ท่องได้แต่ไม่เอาคำแปลมา ! ! ! ! .. ครูสมศรี -อังกฤษ ครูสมศรี

@ ที่นี่มีอุปกรณ์ดับไฟ แต่ไม่มีเครื่องกันฟ้าผ่า นักเรียนชายแถว B อย่าจีบกัน .. อ.เผ่า - Applied Physic

@ ใครตอบไม่ได้เดี๋ยวลงไปเอาบัตรลดพิซซ่า หน้าฟางนะ ออกใหม่กินรึยัง .. ต๊อบ/พี่โบ๊ต -tutor

@ น้องๆ คะ ไม่ใช่ว่าพี่จะงกนะคะ แต่ .. (ขนหน้าแข้งร่วงค่ะ) .. P' Nan -Encocept

@ วันนี้พอแค่นี้ครับ .. ขอให้กลับบ้านกันโดยสวัสดิภาพ .. ขึ้นรถแท๊กซี่มีที่นั่งกันทุกคน .. p่ เหน่ง -PEP

@ เอ้า .. ทุกคนช่วยด้วย ! ! .. พี่เทพ - เดอะเบรน

@ ค่ะ แล้วทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับบทเรียนนะฮ้า เป็นความรู้เสริมฮ่ะ !! .. อ.สมศรี - อังกฤษครูสมศรี

@ ประเทศไทยในแผนที่เล็กเท่าเม็ดหูด แต่เราก็ภูมิใจในความเป็นหูดของเรา .. นี่ ! ! ! .. อ. ปิง - ดาวองก์

@ หมดค่ะ จบนะ นร. วันนี้ปิดคอร์ส เชิดเงินนน ! ! ! ! .. Eng. ครูสมศรี - ครูสมศรี

@ ชาติที่แล้วชั้นไม่ได้ทำบุญด้วย ซิลิโคนนี่จะได้อึ๋มแบบพวกนั้น .. อ.Art - Pinacle

@ ข้อนี้ถ้าใครคิดไม่ได้ไปเอาหัวชนก้อนเต้าหู้ตายซะ .. พี่ช้าง - the brain

@ ฮ่าๆๆๆ แปลกใจล่ะสิ กระดานที่นี่เลื่อนได้ วู้ว~~ .. อ.ชัชชัย - Access

@ วง ! ! .. ตุ๊ง ..ใครไม่วงแช่งให้แฟนเป็นตุ๊ด .. บึกๆ .. ขนดกๆ .. อ. เผ่า -Applied Physics

@ โอ๊ยยย .. ให้ตายเถอะโรบิน ให้ดิ้นเถอะโรเบิร์ต .. อ.เจี๋ย - JIA

@ ข้อสอบเอนท์เอาคะแนนมาเฟี่ยงหัวเธอ ไม่ต้องโชว์ความสามารถใส่หมวกกันน็อคกระโดดหลบหรอกนะ .. อ.เผ่า - Applied
@ ก็ .. .. ขอย้ำอีกทีนะจ๊ะ .. ใครมีข้อสอบเก่าก็เอามาแลกกับหนังสือ เราก็ขายบ้างแจกบ้าง .. อ.ช่วง - Applied

@ ข้อเนี้ยนะ ขี้ ขี้ จะจิ้มก็เละ .. อ.เจี๋ย - JIA

@ อ.ถามนักเรียน (ชาย) ว่า เป็นนักกีฬาของ ร.ร. หรือเปล่า ?
ถ้าเป็นนักบอล อ.อาท ขอเป็นประตู .. อ.art - pinnacle

@ อย่าหยิบโบรชัวครูไปเล่นนะคะ หยิบไปพอดีนะคะ เพราะครูเสียดาย เนื่ยใบละตั้ง 2 บาท .. อุ๊ - เคมี อ.อุ๊

@ อย่าคิดนาน เยี่ยวเหลือง .. พี่เก๋ - the brain

@ ไม่ต้องกลัวครูนะ แม้ว่ารูปร่างหน้าตาครูจะน่าเกลียดน่ากลัว แต่จิตใจครูอำมหิตมากกว่า .. อ.สมาน

@ เอาล่ะๆๆๆ สำหรับคนที่ยังทำหน้า question mark เดี๋ยวจะอธิบายใฟ้ฟังอีกที .. อ. เผ่า - Applied Physics

@ นักเรียนจ้องครู .. เดี๋ยวไม่รู้เรื่องนะจ๊ะ .. อ.ช่วง - Appiled Physics

@ ทำไมชื่อกบหรอ ไม่รู้สิ นมเขียวมั๊ง .. พี่โบ๊ท - the tutor

@ น้องๆ คะ คำนี้สำคัญค่ะ กาดอกจันเจ็ดร้อยดอก ! ! ! .. P' Nan - ENCONCEPT

@ ข้อนี้สำคัญมากนะครับ โดยเฉพาะประโยคแรก .. "คุณพิสิฏฐ์ซึ่งหล่อมาก มีมวล 50 กิโลกรัม .. " .. อ.พิสิฏฐ์ - Neo Physics Center

@ โอ๊ย .. ถ้าแปลคำนี้ไม่ได้ ก็ .. โง่จะตาย ควายเรียกแม่แล้ว .. อ.ชัยวิชิต - NISIT

@ เดี๋ยวครูจะฟาด synonyms ให้หนูค่ะ .. อ.มณชัย -pinnacle

@ ผู้หญิงห้ามนั่งหน้านะ ต้องผู้ชาย จะได้สอนเต็มที่ .. aj.tob -the tutor

@ น้องครับ อย่าเงยหน้ามาก เดี๋ยวเขาทิ่มฝ้าเพดานเป็นรู .. พี่เต้ย - the brain

@ กุศลกรรมบท 10, อย่าเชื่อเพราะเขาหน้าตาดี .. พี่ช้าง - the brain

@ ขยันจัง ปล่อยหนูกลับบ้านมืดทุกวันเลย .. อ.ปิยะ -nisit

@ น้องคริสเตียนคนนี้เก่งมากค่ะ ตอบแต่ละทีพี่งี้ใจละลายๆ .. พี่ยู - PEP

@ การบ้านวันนี้ ไปดูหนังเรื่อง เรือนนพเก้า .. อ.art - pinnacle

@ มาเรียน ผู้หญิงห้ามนั่งหน้า เพราะให้ผู้ชายมานั่งแล้วเว้นโต๊ะ 2 ตัวข้างหน้าไว้ทำเตียง .. อ. art - pinnacle

@ นักเรียนชายที่ปลดกระดุม วันหลังต้องปลดให้หมดนะ .. อ. Art - Pinnacle

@ นี่ฉันเห็นว่าอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตมาเรียน จะบอกให้เอาบุญ .. อ.กันยา -pep

@ Cattle แปลว่า (ชี้มือไปทางนักเรียน) วัว ควาย .. อ.เสนอ - บัณฑิตแนะแนว

@ ที่นี่เลิกและเริ่มตรงเวลาเป๊ะเป็นวินาที .. อ.เผ่า - Applied

@ เดี๋ยวนักเรียนชายจะโดนตีซิบแตก .. อาจารย์อาท - pinnacle

@ ผิดเป็นครู แต่หลายครั้ง ผิดเป็นควาย ค่ะ .. พี่ยู - PEP4 ปิ่นเกล้า

@ ไม่ KASET THAMMASAT ก็ CHULA ติดแล้วมาหา I บ้างอย่าร้างลืม .. อ.ชัยวิชิต - NISIT

@ ถ้าไม่ตอบ ขอให้ริดสีดวงขึ้นหน้า 3เม็ด .. อ.สมศรี

@ นักเรียนชายที่พึ่งมา นั่งบนเก้าอี้ นักเรียนหญิงนั่งพื้น .. อ. Art - Pinnacle

@ ถึงพี่จะสอน Grammar แต่รับรองสนุกยิ่งกว่า Grammy .. อ.บอย - NISIT

@ อ้า ครูขอเพิ่มสูตรลัดนะครับ ครูไม่บังคับให้จำนะครับ แต่ครูมั่นใจว่านักเรียนจำครับ .. อ.พิสิฏฐ์ - NEO

@ พวกเธอนี่จดไม่เป็นสัปปะรดหมาเลย .. อ.กันยา - กันยา

@ นร. ชายที่เพิ่งมาๆ นั่งตักครูเร้ว .. อ.art - pinnacle

@ นักเรียนชายถ้าไม่มานั่งหน้า ครูไม่สอนนะ .. อ. Tob - tuter

@ ปกิณกะตะติ๊กมโนสาเร่ช้ำฉุ่ยหยุมหยิมจุกจิกจู้จี้ ! ! ? ?.. อ. ปิง - Davance

@ หยิบเมจิคสีที่หนูจะเข้ามหาลัย จุฬาสีชมพู ธรรมศาสตร์สีเหลือง ถ้าดินสอนี้ ม.กรุงเทพ จ๊ะ .. อ. Lilly

@ เอ้าถ้าทำวิธีตรงต้องใช้เขาเถือกเข้าไป .. .. พี่ช้าง - the brain

@ สอน 2 ชั่วโมง พูดว่า แม่ง ประมาณ 250 ครั้ง = อ. ชัยวิชิต - นิสิต

@ ข้อสอบหนีรอด ผมแถมเงิน อัดเทปไว้ได้เลย .. เคมีอาจารย์สำราญ

@ อ. LILLY สวยด้วยหมอพรทิพย์ .. อ. LILLY

@ ชีวิตจะมีค่า อย่ามาซ่ากับเจ๊ลี่ .. อ. LILLY

@ วันนี้มีหนังสือใหม่น่ะจ่ะ น่ะจ่ะ น่ะจ่ะ น่ะจ่ะ .. อ.ช่วง แอพลพาย

@ คำเตือน : ควรย้ายคอร์สหากได้นั่งหน้าสุด รอบสด .. อ.JIA
@ ใครจำตรงนี้ไม่ได้ ไม่ต้องเอ็นฯ เอาเงินสมัครเอ็นฯ ไปซื้อขนมครกกิน .. อ.กันยา

@ เอ้าตอบเร็วค่ะ นิสิตจุฬา ธรรมศาสตร์ ลาดกระบัง .. พี่เบส enconcept

@ นร.หญิงทำผิดครูจะให้ไปวิดพื้น ..
ถ้านร.ชายทำผิดมานั่งตักครู ..
ครูเป็นครูที่ยุติธรรมค่ะ .. พี่ Art Tutor

@ ปราดเปรียวและเปรี้ยวที่สุดในวงการนางแบบ (เอ้ย ! ! อาจารย์) .. พี่ art Tutor

@ ถ้าตอบไม่ได้เราไม่ว่า แต่เราจะเอาพริกไทยมาราดตูด .. อ.ชัชชัย

@ โจทย์ข้อนี้พื้นๆ พื้นสนิท .. อ.ฐิติกร - GOK

@ หน้านี้ .. ข้อไหนสงสัย ฮ้าววว .. เคมี อ.อุ๊

@ เดี๋ยวครูเอาลิ้นไปทำความสะอาดในปากเธอให้ .. อ. พีรพัชร เดอะเบรน

@ ขยันตอบจังนะ ครูอยากรู้นัก ใครเข้าฝันให้ตอบผิดอยู่เรื่อย .. อ. ศุภชัย - GSMC

@ คำนี้สำคัญมากค่ะ หยิบ hilight 7 สีขึ้นมา น้องๆ มีกันมั้ยค่ะ .. พี่แนน enconcept

@ ใช่ซี่ .. ไม่เคยแคร์กันเลย .. พี่ดัสต์ altermath

@ คุณครูจะหาเงินเยอะๆ ไปทำ ติ่ง อะไรล่ะคะ ลูกก็มีไม่ได้ .. คุณครู Lilly - Pinnacle

@ "ก้อครูเป็นกระเทยมหัศจรรย์" หรือไม่ก้อ "กระเทยสัพพัญญู"
แล้วก้อเต้นกันสุดเหวี่ยง .. อ.โบ๊ท + อ.ต๊อบ - Tutor

@ ตอบผิดเราไม่ว่าครับแต่เราจะประนาม .. อ.ชัชชัย access

@ ที่ครูต้องใส่แว่น เพราะวันหนึ่งครูมองเชียงใหม่จากกรุงเทพไม่เห็น .. อ.กมล - PEP7 ชลบุรี

@ ใครออกจากห้อง ขอให้เอ็นฯ ไม่ติด .. อ.ต๊อบ TUTOR

@ มาทำเบ่งกะชั้นนะว่าได้ A ชั้นเห็นเอ็นฯ ทีไร เซลล์เหี่ยวเล็กยี่งกว่าไวรัสทุกที .. อ.กันยา

@ เข้าช้า ปล่อยเลท เม้าท์แหลกลาน = .. อ. ปิง Davance

@ นี่ชั้นโกรธแล้วนะ .. วันนี้งดมหรสพ ! ! (แกว่งมือแล้วหมุนตัว 1 รอบ) .. อ.ลิลลี่ - Pinnacle

@ ใครลอกขอให้มีแฟนหน้าตรงข้ามกับอาจารย์ .. อ. เผ่า Applied

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

คำคมเสริมกำลังใจ ช่วงเตรียมตัวสอบ

กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ในการจะทำอะไรซักอย่างให้สำเร็จลองได้
คำบางคำหรือข้อความบางข้อความสามารถสร้างกำลังใจให้เราได้อย่างมากมายเช่นข้อความเหล่านี้

หนทางหมื่นลี้ เริ่มจากก้าวแรกเสมอ

เพชร กับถ่าน มีต้นกำเนิดเดียวกัน
แต่เพชร สามารถทนต่อแรงกดดัน และความร้อนสูงมาก จึงกลายเป็นเพชร ที่มีค่า
แต่ถ่าน ไม่สามารถทนต่อแรงกดดัน และความร้อนสูงๆได้ มันก็เลยกลายเป็น ถ่าน
เปรียบเหมือนคน ที่ไม่ทนต่อแรงกดดัน และปัญหา ไหนเลยจะกลายเป็นเพชร ที่ถูกเจียรไน

อุปสรรคที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน

นายสิบทุกคน มีคฑาจอมพล อยู่ในเป้

การอ่านคือการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา

ทะเลที่ราบเรียบและไร้เกลียวคลื่นฉันใด ก็มิสามารถสร้างนักเดินเรือที่แข็งแกร่งได้ฉันนั้น

ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน

แท้จริงแล้วมนุษย์ไม่ได้โตด้วยอาหาร...แต่โตด้วยความลำบาก
หนทางหมื่นลี้...เริ่มที่ก้าวแรก
ชะตาฟ้าลิขิต...แต่นี่ชีวิตกู

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

อาหารเสริมความจำ ช่วงเตรียมสอบ

ในช่วงที่สอบ อ่านหนังสือดึกๆ นอนไม่พอแล้ววันถัดไปจะรู้สึกหัวตื้อๆ
คิดไรไม่ค่อยออก
แถมตอนจะอ่านหนังสือ ก็ยังเกิด side effect อีก
อ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่อง ง่วงนอนอีกต่างหาก บางคนฝืนด้วยการกินกาแฟ
หรือ กระทิงแดงก็มี (ผมก็เคยกิน)
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่อารัมภบทมานี่มันเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องไม๊

เอาหละ เข้าเรื่อง อาหารเสริมที่เราใช้บ่อยๆ ก็มี
พวก เลซิติน แบรนด์เม็ด(ไม่มีเงินซื้อแบรนด์น้ำกิน) วิตามินบีรวม
ส่วนพวก ใบแป๊ะก๊วยนี่ ไม่แนะนำเท่าไหร่ เพราะเหมือนมีงานวิจัยออกมาว่า
สรรพคุณของมันมีผลแทบไม่ต่างจาก placebo อ่านว่า พลาซีโบ หรือผลจากยาหลอกๆเลย

ส่วนสรรพคุณก็หาได้ตามกูเกิ้ลแหละ
เอาเป็นย่อๆละกัน
อย่าเชื่อเรามาก

กินเลซิตินนี่ เลซิตินมันจะเป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประสาท แล้วก็มีบางคนใช้เพื่อลดน้ำหนักด้วย ลองค้นดู
แบรนด์เม็ด กินแล้วคิดคล่องแคล่วดี ไม่ค่อยติดขัดโดยเฉพาะเวลาทำคณิต เคมี ฟิสิกส์
บีรวม สรรพคุณคล้ายๆแบรนด์เม็ดแหละ

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

แนะนำ หนังสือเตรียมสอบ เคมี

หนังสือที่น่าสนใจก็มี หนังสือชุดเคมีของ อ.สำราญพ.ศ.พัฒนา เนื้อหา
ละเอียดละออ ถึงแม้บางคนจะบอกว่าน้ำมากก็ตาม
ข้อสอบสี่พันข้อ นี่ก็เหมาะจะเอามาฝึกประสบการณ์เหมือนกัน
ตอนเรียนที่โรงเรียนจบแต่ละบทก็ลองเอามาทำๆดู
หนังสือเคมีคำนวนของ อ.สำราญ ทั่งทอง
เฉลายเอนท์ก็ใช้ของอ.สำราญจะค่อนข้างน่าเชื่อถือ